ขอใบขับขี่ระหว่างประเทศ (International driving permit) แบบง่ายๆ ไม่ต้องไปขอเอง
เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาเพิ่งได้ใบขับขี่ระหว่างประเทศมาครั้งแรกในชีวิต
เนื่องจากมีแพลนจะเดินทางบ่อย
เลยอยากมีเอาไว้เผื่อจำเป็นต้องขับรถที่ต่างประเทศจริงๆ
เนื่องจากเราทำงานจันทร์
– ศุกร์ ตั้งแต่เช้ายันดึก เลยไม่มีเวลาไปขอด้วยตนเองที่กรมขนส่งทางบก
เลยวานให้ Messenger ไปขอแทน ซึ่งวิธีการของ่ายมากๆ
เอกสารที่ใช้
1 บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนาหนึ่งชุด
2 Passport ตัวจริง พร้อมสำเนาหนึ่งชุด
3 ใบขับขี่แบบมีอายุ 5 ปีตัวจริง
พร้อมสำเนาหนึ่งชุด
ค่าธรรมเนียม 505 บาท
และอย่างที่บอกไปว่าให้
Messenger ที่บริษัทไปขอแทน ทีนี้
เราก็ต้องออกหนังสือมอบอำนาจไปด้วย การเขียนหนังสือมอบอำนาจนั้นไม่ยากเลย
แค่มีรายละเอียด ชื่อเรา ข้อมูลของเราเช่น หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่
แล้วกล่าวว่า ขอมอบอำนาจให้ นาย/นางสาว …ไปดำเนินเรื่องขอใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศแทนข้าพเจ้า
ประมาณนี้ แล้ว ลงลายมือ ผู้มอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจ พยาน อีก 2 คน ด้านล่าง ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ถ้าไม่อยากร่างจากกระดาษเปล่าๆเอง จะใช้แบบของขนส่งก็ได้ ไปหาโหลดได้ที่ http://www.dlt.go.th/th/eform/
จากนั้นก็ใช้สำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจ(ตัวเรา)
และบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ หนึ่งชุด
แค่นี้ก็สามารถไปดำเนินเรื่องขอใบขับขี่ระหว่างประเทศแทนเราได้แล้ว
ชาวต่างชาติที่มีใบขับขี่ในไทยแบบมีอายุ
5 ปีแล้วก็ขอได้นะ เนื่องจากแฟนเราเป็นคนเยอรมัน
ทำงานในไทย แล้วชอบขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน ^^ เลยไปขอใบขับขี่มอเตอร์ไซต์ในไทยมาซึ่งเป็นแบบมีอายุ
5 ปีแล้ว ก็ไปทำเรื่องขอใบขับขี่ระหว่างประเทศ
ได้เหมือนกัน ซึ่งชาวต่างชาติจะให้เอกสาร แตกต่างกันนิดหน่อย
อย่างแฟนเราทำงานในไทย ก็จะใช้ Passport บวกหน้าที่มี Non-Immigrant Visa แฟนเรามีวีซ่าประเภท Non-B คือวีซ่าทำงานในไทย ก็ใช้หน้านี้ได้ นอกจากนี้ก็ใช้
Work permit หรือใบอนุญาตทำงานในไทย ถ่ายเอกสารหน้าแรก หน้าต่ออายุ(ถ้ามี)
เอาที่แสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าใบอนุญาตทำงานยังมีอายุอยู่
และก็หน้าที่โชว์ที่อยู่ของชาวต่างชาติด้วย และก็ใบขับขี่แบบที่มีอายุ 5 ปี ค่าธรรมเนียม 505 บาทเท่ากัน
ใบขับขี่ระหว่างประเทศจะมีอายุเพียง1 ปีเท่านั้น
เพราะฉะนั้นควรขอตอนที่มีแผนจะเดินทางไปต่างประเทศจะดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาขอฟรีๆ
ใบขับขี่ระหว่างประเทศที่ได้มา
จะมีข้อมูลที่แสดงสิทธิของผู้ขับขี่ในหลายๆภาษา เช่น อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เยอรมัน
ฝรั่งเศส เป็นต้น เพราะฉะนั้นเวลาที่เราไปขับรถที่ต่างประเทศเกิดตำรวจท้องถิ่นเค้าเรียกดูใบขับขี่ก็โชว์ใบนี้ได้เลย
ไม่ต้องกลัวเค้าจะอ่านไม่ออก
จากนั้นความยากก็อยู่ที่การขับรถในต่างประเทศแล้วล่ะ
ทั้งพวงมาลัยที่คนละด้านกัน ถนน ป้ายจราจร ที่แตกต่างกัน
ยังไงก็ศึกษาก่อนที่จะไปขับรถที่บ้านเมืองเค้าละกันนะ
0 comments:
Post a Comment