VISA & Work permit จากงานที่เกลียดกลายเป็นงานที่รัก
อย่างที่เคยเล่าไว้ในบล็อกก่อนๆ
ว่าตอนนี้ทำงานอยู่ Law
firm หรือบริษัทกฎหมาย
วันนี้อยากจะเล่าเรื่องงานแผนกนึงที่เรารับหน้าที่ทำอยู่ด้วย นั้นก็คือแผนก VISA และ work permit
แผนกนี้จะเป็นลักษณะการให้คำแนะนะและให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาทำงานในประเทศไทย
ให้เขาได้ทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งเราจะให้ความช่วยเหลือเขาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเดินทางเข้ามาในประเทศ เช่น
เขาจำเป็นที่จะต้องได้วีซ่าประเภท B หรือวีซ่าสำหรับทำงานในไทยก่อนจึงจะได้ทำเรื่องขอใบอนุญาตทำงานหรือ
Work permit ให้เขาได้
ถ้าเขาเดินทางเข้ามาในไทยในฐานะนักท่องเที่ยวก็อาจจะเปลี่ยนประเภทวีซ่าได้
แต่ยุ่งยากมากๆ ขอจากต่างประเทศก่อนเข้ามาง่ายกว่ากันเยอะ พอทำเรื่องขอ Work permit ได้ ก็ต่อวีซ่าในไทยให้เขา ประมาณนี้
ตอนแรกที่หัวหน้าสั่งให้เรามาลองฝึกทำด้านนี้ดูบอกเลยว่าเกลียดมากกก
เพราะช่วงแรกมันยุ่งยากและซับซ้อนสำหรับเรามา
ก
พี่ที่ทำงานเคยให้เราไปลองฝึกทำเรื่องต่อวีซ่าให้กับพนักงานในเฟิร์มเดียวกันเองที่
ตม. แจ้งวัฒนะ เขาก็เตรียมเอกสารให้เสร็จสรรพ
เหลือแต่ให้เราพาฝรั่งที่ทำงานไปที่นั่น แล้วยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่
เรายังทำซะป่วน จำได้ว่าไปถึงที่นั่นประมาณ 10 โมงเช้า
ซึ่งคนเยอะมากกก เสร็จ 4 โมงเย็นพอดี พี่ที่ทำงานนี่ไลน์มาจิกๆ
เพราะกินเวลาไปทั้งวัน มันเสียเวลามาก ซึ่งที่จริงแล้วเราควรที่จะมาก่อนที่ ตม เปิดด้วยซ้ำ ซักประมาณ 7 โมงเช้า เพื่อมาต่อคิวรอเข้าสำนักงาน
ก็จะเสร็จก่อนเที่ยงพอดี นี่เล่นไปทั้งวัน โดนด่ากระจาย
ไหนจะเคยเตรียมเอกสารเพื่อให้ฝรั่งในที่ทำงานไปขอวีซ่าทำงานที่ต่างประเทศ
แล้วโดนสถานทูตไทยที่นั่น Reject
กลับมาอีก เพราะวันที่เค้าเอาเอกสารไปยื่นสถานทูต
สถานทูตที่นั่นเกิดเปลี่ยนกฎให้ใช้เอกสารสำคัญฉบับนึงที่เราไม่สามารถส่งไปให้ทันทีได้
ต้องไปขอกับกรมแรงงานในไทยก่อน เป็นดราม่าใหญ่มาก ช้ำใจไปอีกนาน เอาซะไปอยากทำอีกต่อไปเลย
แต่เนื่องจากคนที่ทำงานขาดเราเลยต้องมาช่วยทำด้านนี้
ทำจนเราเข้าใจโครงสร้างกระบวนการของมัน ทำจนเรารู้สึกรักกับการทำงานด้านนี้
ส่วนหนึ่งเลยที่ทำให้เรารักคือ
การทำด้านนี้ได้เจอต่างชาติเยอะมาก มีโอกาสได้เจอได้คุยกับคนจากหลายหลายประเทศ
จากหลากหลายหน้าที่การงาน เวลาที่พาเขาไปติดต่อกรมแรงงานและ ตม. เราก็จะมีโอกาสได้คุยเรื่องทั่วๆไป
ได้ศึกษาทัศนคติ มุมมอง ได้เรียนรู้ความหลายหลายของความคิดมากขึ้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่เราให้ความสนใจอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
อีกอย่างคือด้วยความที่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่กรมแรงงานและตม. บ่อยมาก หลายๆครั้งก็เจอกับคนเดิมๆ จนเริ่มสนิท
เริ่มคุยเล่นกันได้ จนเรารู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ต้องไปยื่นคำขอกับเขา
ซึ่งถ้าเป็นกับหน่วยงานอื่นๆ เราจะแอบเกร็งๆ เพราะบางที่เจ้าหน้าที่ดุมาก
เจรจาต่อรองอะไรก็ยาก พลาดนิดนึงไม่ได้เลย
ถึงงาน VISA และ Work permit จะดูเป็นแบบซ้ำๆเดิมๆ
แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบก็ยังมีการเปลี่ยนกฎออกมาบ่อยๆ เราก็ต้องคอยติดตามความเคลื่อนไหว
ตลอดเวลา
อีกสิ่งหนึ่งคือ
คนที่มายื่นคำขอ VISA และ Work permit ในกรุงเทพเหมือนกันกับเรา ส่วนใหญ่จะเป็นคนเดิมๆ
เวลาเราไปยื่นเรื่องที่ไร ก็จะเจอคนเหล่านี้เกือบทุกวัน
เจอจนสนิทพูดคุยเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันไปเลย
มันทำให้เรารู้สึกผูกพักกับการทำงานตรงนี้มากขึ้น
และงานนี้นี่แหละที่เราจะเอามาทำให้
ฐานะ Freelancer
0 comments:
Post a Comment