Trip note EP1 : หนีความตึงเครียดจากออฟฟิศ ไปเดินเล่นที่กัวลาลัมเปอร์ part 3
เข้าสู่วันที่
3 ในมาเลเซีย
วันนี้ก็ถึงเวลาเที่ยวภายในตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์แล้ว ตื่นประมาณ 8 โมง มาทำอาหารเช้าทานใน Guest house ทานเหมือนเดิมทุกอย่าง
วันนี้เริ่มต้นไป
Buta cave สถานที่ของเหล่าพราหมณ์ ฮินดู เริ่มจากนั่ง Monorail ไปลง KL Sentral แล้วนั่งรถไฟต่อไปยัง Buta cave เราชอบรถไฟของเขาจริงๆ เพราะเร็ว สะอาด สงบ น่านั่ง
มันทำให้มีความสุขกับการเดินทางมากขึ้น
อย่างที่กล่าวไปว่า
Buta cave เป็นสถานที่ของเหล่าพราหมณ์ ฮินดู
ซึ่งมีชาวพราหมณ์ ฮินดู จำนวนมาก มาร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนากันที่นี่
อีกทั้งมีการแจกอาหารฟรีให้กับเหล่าสาวก
เสียงสวดของเขานี่มันฟังแล้วน่าขนลุกดีจริงๆ
การเดินขึ้นไปยังปากถ้ำนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ
เพราะบันไดทางขึ้นสูงมาก และค่อนข้างชัน เห็นหลายคนต้องหยุดพักหอบกันกลางบันได
รวมทั้งเราอีกคน ไม่แข็งแรงจริงนี่ไม่สามารถเดินขึ้นไปรวดเดียวได้จริงๆ
ภายในถ้ำยังคงมีการประกอบพิธีกรรมกันจำนวนหนึ่ง
เรื่องความสวยงามภายในถ้ำนั้นส่วนตัวมองว่าภายในไม่ถึงกับสวยมาก
จะเด่นก็ตรงภายนอกที่มีรูปปั้นของเหล่าเทพ มีบ่อน้ำตกแต่งเอาไว้
เดินเล่นอยู่สักพักก็นั่งรถไฟกลับเพื่อไปแถว
China town และ Central market แหล่งชอปปิ้งของกัวลาลัมเปอร์
ส่วนใหญ่ของที่นี่จะค่อนข้างคล้ายกับของในประเทศไทย
ที่นี่จึงไม่ค่อยน่าสนใจมากสำหรับเรา อีกทั้ง China town ของเขาก็เหมือนกับเป็นย่านที่ถูกตกแต่งให้ดูเป็นบ้านเมืองคนจีน แต่คนในพื้นที่ก็ยังคงเป็นแขกเหมือนเดิม
อยู่ได้ไม่นานก็นั่งรถเมล์ฟรีไปยัง
Landmark อีกจุดหนึ่งของ กัวลาลัมเปอร์ นั่นคือ KL Tower หอคอยสูงเทียบเที่ยวตึกปิโตรนาส ที่นี่เราเลือกที่จะเสียตังค์ขึ้นไปเนื่องจากราคาถูกกว่าค่าขึ้นตึกปิโตรนาสเท่าตัวแต่ได้เห็นวิวเทียบเท่ากัน
เมื่อมาถึงตัวตึกแล้วเห็นคนมากมายกำลังต่อแถวกันขึ้นไปบนหอคอย
แต่ก่อนจะขึ้นไปต้องซื้อตั๋วขึ้นไปก่อน ซึ่งมีพนักงานคนหนึ่งพาเรามายังเคาท์เตอร์
และแนะนำตั๋วแบบ Open
deck ให้เราในราคา 1,050 บาท ซึ่งเราก็ถามหาตั๋วราคาปกติที่เราทราบมาคือ 400 กว่าบาท แต่พนักงานก็บอกว่ามีแค่ราคานี้
แฟนที่มาด้วยก็บอกซื้อไปเถอะ ไหนๆก็มาแล้ว แล้วเราก็ซื้อไปในราคา 1,050 บาท อย่างงงๆ และสงสัย
ซื้อเสร็จพนักงานก็พาเราไปรอหน้าลิฟต์เลย ไม่ต้องต่อคิวเหมือนคนอื่นๆเขา
ทีนี้เข้าใจแล้วว่าพนังงานยัดตั๋ว
VIP ให้เรา ไอ้เราก็โง่ซื้ออีกแน่ะ
ราคานี้นี่มันขึ้นตึกปิโตรนาสได้เลยนะ
ชั้นที่เราขึ้นไปเป็นชั้นที่เปิดเพดาน
สูงกว่าชั้นปกติไม่กี่ชั้น ชั้นนี้มันเงียบเหงาจริงๆ มีคนแค่ 3-4 คน เดินชมวิวถ่ายรูป อยู่ได้ไม่ถึง5 นาทีก็เบื่อแล้ว ขอลงไปชั้นปกติ
ปรากฏชั้นปกติน่าอยู่กว่ามากเป็นชั้นแบบปิด
เปิดแอร์ มีกล้องให้ส่องทางไกล คนเยอะแต่ไม่หนาแน่น ดูแล้วคึกคักกว่ากันเยอะ
กล้องส่องทางไกลนี่ส่องเห็นแม้กระทั้งคนกำลังเล่นน้ำอยู่ในสระว่ายน้ำโรงแรมที่อยู่ไกลจาก
KL Tower หลายกิโล
ที่ชั้นนี้มีโปสการ์ดขายพร้อมแสตมป์ส่งต่างประเทศ
เราก็ซื้อและเขียนที่นั่นเลย ลงมาข้างล่างมีตู้ไปรษณีย์ตั้งอยู่
หย่อนลงตู้นี้ได้เลย
จาก KL Tower ก็ไปยังห้าง Time Square ไปดูสวนสนุกใหญ่ในร่ม เราได้แค่ดูๆแหละ ไม่มีแรงจะเล่นแล้ว
เดินมาเยอะสำหรับวันนี้
จากนั้นก็กลับไปที่พักนอนสัก
2 ชั่วโมง เอาแรงก่อนออกมาปาร์ตี้ตอนดึก
ตอนแรกแพลนไว้ว่าจะไป
Pub Crawl ปาร์ตี้ที่จัดหลายๆผับ มีจุดสตาร์ทจากผับแรกไปยังอีกผับนึง
เป็นงานที่ใครไปก็เมากันแบบสุดเหวี่ยง แต่คิดว่าตัวเองไม่อยากเมาขนาดนั้นเลยไปนั่งชิลๆดีกว่า
เราไปเริ่มที่
Heli lounge bar เป็น Sky bar ที่จัดบนลานจอดเฮลิคอปเตอร์จะได้มีโอกาสดูวิวจากมุมสูงในยามค่ำคืน
จากนั้นไปเดินเล่นที่
Bukit Bintang แหล่งที่คึกคักยามค่ำคืน
เดินไปจะเห็นผู้หญิงแต่งชุดรัดๆ สั้นๆ เปิดไหล่ ใส่ส้นสูง สะพายกระเป๋า
เหมือนยืนรออะไรสักอย่าง เต็มถนนไปหมด ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเป็น…
แถวนั้นยังมี Food Street รวมของกินเยอะแยะมากมายที่เริ่มเปิดตั้งแต่ตอนเย็นๆ
คนเยอะมากก และยังมี Pub
Street ที่เหมือนถนนข้าวสารบ้านเรา
เนื่องจากเหนื่อยล้าจากวันนี้มาก
เลยอยู่ดึกมากไม่ได้ต้องกลับไปพักผ่อนเตรียมตัวกลับวันพรุ่งนี้
สำหรับเราแล้ว
การมาเที่ยวกัวลาลัมเปอร์ มะละกา ครั้งเดียวก็คือพอ ไม่ได้รู้สึกอยากกลับมาอีก
หรือประทับใจอะไรมาก เพราะมีอะไรหลายๆอย่างที่ไม่ต่างจากกรุงเทพ
แต่ยอมรับว่าการคมนาคมเค้าดีจริงๆ
เดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวก เที่ยวง่าย เหมาะกับมือใหม่หัดเที่ยวต่างประเทศ
0 comments:
Post a Comment