ก็แค่ชีวิตสาวออฟฟิศคนหนึ่งที่อยากเป็น Freelancer
ตอนนี้ทำงานอยู่ใน Law firm แห่งหนึ่ง ทำมาได้ปีนึงพอดี พอเรียนจบก็ทำงานเลย เรียกได้ว่าหางานเร็วอยู่เหมือนกันนะ เริ่มต้นจากไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง แม้กระทั่งเรื่องที่เค้าว่าง่าย พอคนมันไม่รู้ ไม่เคย ก็ต้องถามพี่ที่ทำงานตลอดเวลา ถามจนเค้ารำคาญ ถามจนเค้าเอาไปซุบซิบนินทา ว่าไอ้นี่จบมาได้ยังไง หรือ ไม่ก็ จบมหา’ลัยดังมาแต่ทำงานไม่เป็น ท้อนะ ณ จุดนั้นพี่อยู่ในจุดที่ใครๆก็ว่าเราไม่ฉลาด ตอนอยู่ช่วงโปรนี่ลุ้นแทบแย่ว่าจะผ่านมั้ย โชคดี..ได้หัวหน้าดีให้โอกาสเราทำงานต่อไป ทำไปได้สักพักก็ยังไม่ได้เรื่องได้ราวอยู่ดี โดนด่าโดนว่าต่อหน้าคนอื่นบ้าง เก็บเอาไปร้องไห้คนเดียวบ้าง แอบมีความคิดหลายครั้งว่า เราคงไม่เหมาะกับการทำงานที่นี่ บางทีหัวหน้ายังถามเลยว่า เราจะทำต่อไปได้มั้ย เราก็ตอบว่าได้ๆ เพราะยังอยากมีงานทำอยู่
คิดหลายครั้งว่า
เปลี่ยนที่ทำงานดีมั้ย? เปลี่ยนสายงานเลยดีมั้ย?
คิดไปคิดมาจนได้บทสรุปที่ว่า เปลี่ยนการทำงานของตัวเองดีกว่ามั้ย?
ลองอีกครั้ง ปรับปรุงการทำงานของตัวเองซะให้
ปรับตัวเราให้เข้ากับองค์กรให้ได้ ทำงานให้ลูกความก็คิดถึงใจลูกความ
เข้าใจถึงความต้องการของเขาให้ได้ พยายามอย่างสุดความสามารถ
ผ่านไปไม่กี่เดือน
ก็มีเมล์จากหัวหน้าสั้นๆว่า เค้าสังเกตได้ว่าการทำงานของเรามันพัฒนาขึ้น
พร้อมให้กำลังใจเราต่อไป มันเป็นข้อความสั้นๆ ที่ทำให้เรามีแรงฮึดต่อไปได้จริงๆนะ
ณ
ตอนนี้ ถือว่าแฮปปี้ขึ้นมากเลยล่ะ
จากที่ใครๆก็มองว่าเรามันไม่รู้เรื่องก็เริ่มกลายเป็นคนที่ให้คำปรึกษาได้
เริ่มเห็นคุณค่าของการมีเราในองค์กรมากขึ้น สนุกกับการได้รับภารกิจจากหัวหน้า
จากลูกความ
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะในบางครั้งเราก็หวนคิดถึงวันที่เราเป็นอิสระ
ขึ้นอยู่กับตัวเองเหมือนกันนะ วันที่ชั้นสามารถสร้างสรรค์การทำงานได้ด้วยตนเอง
วันที่ชั้นสามารถได้ค่าตอบแทนเท่ากับปริมาณงานที่ชั้นทำจริง วันที่ชั้นไม่ต้องมีกำหนดเวลาเข้างานเหมือนกันทุกๆวัน
วันที่ไม่ต้องเบียดเสียดคนอื่นในการเดินทางไปที่ทำงานในเวลา Rush Hour วันที่ชั้นไม่ต้องแบกรับอารมณ์เสียๆของเจ้านาย
วันที่เลือกวันหยุดไปเที่ยวพักผ่อนได้เองโดยไม่ต้องยื่นใบลา
และไม่ต้องคำนวณว่าเรามีวันลาประจำปีเพียงพอมั้ย……ที่กล่าวมานั่นแหละ
ที่จริงชั้นอยากเป็น Freelancer ล่ะ ชั้นอยากรับงานเอง งานที่ว่าก็เป็นงานที่ได้ผลประโยชน์มาจากการทำงานในบริษัทตอนนี้เนี่ยล่ะ
นั่งคิดนั่งคำนวณดูแล้ว ว่าเดือนๆนึงที่เราทำงานในบริษัทนี้ถ้านับจากค่า Fee
ที่ลูกความจ่ายจริงนี่ เกินเงินเดือนเราไปสิบเท่าได้
แต่ก็เถอะความยากของ
Freelancer มันก็คือการหาลูกความเองเนี่ยล่ะ
อยู่บริษัททำงานอย่างเดียว หาลูกค้าเป็นหน้าที่ของเจ้านายเค้านู่น
ถ้าออกมาทำเองก็ต้องวางแผนโปรโมทตัวเองอีก
นอกจากนั้นพอมาทำเองก็ต้องวางแผนระบบงานการติดต่อลูกค้าเองให้รอบคอบที่สุดเพื่อป้องกันการโดนโกง
อยู่ออฟฟิศลูกความไม่จ่ายตังค์ก็มีแอดมินคอยทวงให้ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนของเรา
จ่ายไม่จ่ายเราก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม
มันดูเป็นเรื่องที่น่าท้าทาย
คิดว่าชีวิตอยากจะลองสักตั้งที่ออกมาเป็น Freelancer แล้วทำให้มันสุดๆไปเลย ให้มันรู้ว่าจะรอดไม่รอด วางแผนไว้แล้วล่ะ
แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ 555 เพราะอะไร? เพราะ
ชั้นยังต้องการอยู่ในบริษัทที่เป็นดั่งโรงเรียนสอนงานของชั้นอยู่
กะไว้ว่าจะทำสักสิ้นปีนี้แล้วออกมาลองทำเอง รอดไม่รอดเดี๋ยวรู้กัน!!
0 comments:
Post a Comment